
หลายคนคงได้เห็นคลิปเปิดตัว MacBook Air กันไปบ้างแล้ว และเชื่อว่าสาวก Mac คงอยากจับจองเป็นเจ้าของกันอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าที่ประเทศไทยจะยังไม่มีโอกาสได้สัมผัส MacBook Air เจเนอเรชั่นใหม่กัน แต่บางประเทศเค้าได้ลองสัมผัสกันแล้ว ทางทีมงาน Notebookfocus.com เลยขอเรียกน้ำย่อยกับรีวิวจากต่างประเทศกับ MacBook Air ตัวนี้กันค่ะ
การดีไซน์

บางเพียง 0.11 นิ้ว
ในส่วนของการออกแบบนั้น Apple ต้องการให้ MacBook Air เจเนอเรชั่นใหม่นี้ มีจุดเด่นกว่ารุ่นอื่นๆ นั่นคือ ความบาง ซึ่งบางกว่ารุ่นอื่นๆ ที่ Apple เคยออกแบบมาเลยทีเดียว ส่วนสาเหตุที่ทำให้ MacBook Air บางได้ขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะทาง Apple เปลี่ยนจากการใช้ฮาร์ดดิสก์ มาเป็น Flash Storage ช่วยเพิ่มพื้นที่ให้กับ MacBook Air ให้กว้างและบางกว่าเดิมหลายเท่า
ตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมที่ให้ความรู้สึกแข็งแรงถึงแม้จะมีขนาดบางเพียง 0.11 นิ้ว (ด้านปลายเครื่อง) ด้านขวามี USB Port 1 ช่อง และ Mini Display Port ส่วนทางด้านซ้ายมี USB Port อีก 1 ช่อง, ไมโครโฟน และช่องเสียบหูฟัง น่าเสียดายในส่วนของ SD Card Slot นั้น ไม่มีในรุ่นหน้าจอขนาด 11 นิ้ว เพราะทาง Apple ออกแบบให้เฉพาะรุ่นขนาดหน้าจอ 13 นิ้วเท่านั้น

(ด้านขวา) USB 2.0 port, Mini DisplayPort และ SD Card (เฉพาะรุ่น 13 นิ้ว)

(ด้านซ้าย) MagSafe, USB 2.0, ช่องเสียบหูฟัง และ ไม่โครโฟน
คีย์บอร์ดและ Touchpad

คีย์บอร์ดและ Touchpad แบบ Multi-Touch
ในส่วนของคีย์บอร์ดนั้น เป็นแบบ Ultraportable ที่ให้ความรู้สึกว่า ไม่ได้ใช้โน๊ตบุ๊คตัวเล็กอยู่ ถึงแม้ว่า ปุ่มลูกศรจะเล็กไปนิด แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาในการใช้แต่อย่างใด นอกจากนี้ ยังมีปุ่มคีย์ลัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ปุ่มปรับเสียง, ปุ่มปรับความสว่างของหน้าจอ, ปุ่มควบคุมการเล่นเพลง ก็ใช้งานง่ายไม่มีปัญหา
ในส่วนของ Touchpad นั้น (MacBook Air เรียก Trackpad) เป็นแบบ Multi-Touch ที่สามารถคลิกตรงส่วนไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นแบบ Pinch-to-Zoom, การ Rotate รูป, การหมุนภาพ หรืออื่นๆ ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายเพียงแค่สัมผัสปลายนิ้วเท่านั้น
จอแสดงผลและเสียง
หมดปัญหาเรื่องแสงหน้าจอสว่างเกิน หรือสีสันแสบตา ไปได้เลยค่ะ เพราะ MacBook Air รุ่นใหม่นี้ ทาง Apple เค้าบอกว่า เป็นแบบ High-Resolution Display ที่ให้ความรู้สึกว่า กำลังมองหน้าจอขนาดใหญ่อยู่ นอกจากนี้ หน้าจอ widescreen ความละเอียดขนาด 1366x768 พิกเซลนั้น ไม่เป็นปัญหาต่อการเปิดเว็บไซต์เลยแม้แต่น้อย
สำหรับในส่วนของเสียงนั้น ลำโพง 2 ข้างด้านบนของตัวเครื่องนั้นให้เสียงแบบสเตอริโอ ดัง ชัด แบบไม่ต้องง้อหูฟังเลยล่ะค่ะ
กล้องแบบ Face Time

กล้องแบบ Face Time ที่สามารถเชื่อมต่อกับ iPhone 4 ได้ทันที
นอกจาก iPod Touch และ iPhone 4 จะมีกล้องแบบ Face Time แล้ว Apple ยังได้นำเทคโนโลยีนี้มาสู่ MacBook Air ด้วย ซึ่งกล้องแบบ Face Time สามารถออนไลน์ได้กับผู้ที่ใช้ iPod Touch และ iPhone 4 ได้อีกด้วย
ระบบประมวลผล

เปลี่ยนจากฮาร์ดดิสก์มาใช้ Flash Storage ขนาดจิ๋ว
หลายคนอาจจะคาดหวังว่า MacBook Air ราคาขนาดนี้นั้น น่าจะใช้ระบบประมวลผลแบบ Core i5 หรือ i7 ซึ่งก็ทำให้หลายคนค่อนข้างผิดหวัง เพราะ MacBook Air ขนาดหน้าจอ 11 นิ้วนั้น ใช้ระบบประมวลผลแบบ 1.4GHz Intel Core 2 Duo ในขณะที่หน้าจอขนาด 13 นิ้ว ใช้ระบบประมวลผลแบบ 1.86GHz Intel Core 2 Duo พร้อมแรมขนาด 2 GB DDR3, Flash Storage ขนาด 64 GB และ 128GB (รุ่นหน้าจอขนาด 11 นิ้ว) และขนาด 128GB และ 256GB (รุ่นหน้าจอขนาด 13 นิ้ว) และการ์ดจอ NVIDIA GeForce 320M
ระยะเวลาของแบตเตอรี่

ที่สุดของการประหยัดแบตเตอรี่ สามารถเปิด Standby ได้นานถึง 30 วัน
Apple ค่อนข้างประสบความสำเร็จในเรื่องของระยะเวลาของแบตเตอรี่พอสมควร โดย MacBook Air นั้นสามารถอยู่ได้นานถึง 5 ชั่วโมง 18 นาทีเลยทีเดียว นอกจากนี้ ทาง Apple ยังได้เสริมอีกว่า MacBook Air สามารถเปิด Standby ได้นานถึง 30 วันอีกด้วย
เห็นคุณสมบัติคร่าวๆ ของ MacBook Air กันไปแล้ว คงจะถูกใจหลายๆ คนกันบ้างใช่มั๊ยคะ แต่ถึงแม้ว่า ราคาของ MacBook Air นั้น จะค่อนข้างแพงไปนิด กับระบบประมวลผลแค่ Core 2 Duo แต่ถ้าคุณต้องการความบาง เบา และความหรูหราแล้วล่ะก็ MacBook Air คือคำตอบค่ะ
------------------------------
เรียบเรียงโดย : NF Staffs
ที่มา : laptopmag